วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

เรื่องเล่าขานตำนานลำไยต้นหมื่นตำบลหนองช้างคืน

เรื่องเล่าขานตำนานลำไยต้นหมื่นตำบลหนองช้างคืน

โดย นายกเกรียงไกร ก้อนแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลหนองช้างคืน
ด้วยตำบลหนองช้างคืน เมืองลำไย มีเรื่องเล่าขานตำนานลำไยต้นหมื่น มีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก ในโอกาสที่เทศบาลตำบลหนองช้างคืน จัดงานวันชาวสวนลำไยตำบลหนองช้างคืนครั้งที่หนึ่ง ระหว่างวันที่ 16-18 กรกฎาคม 2553 จึงถือโอกาสเล่าเรื่องหนองช้างคืนเมืองลำไยโดยสังเขปดังนี้


จากการบันทึกการให้ข้อมูล โดยคุณอัจฉรา ชัยประสิทธิ์ ลูกหลานบรรพบุรุษชาวตำบลหนองช้างคืน อดีตเป็นนักวิชาการฝ่ายต่างประเทศของสำนักงานเกษตรภาคเหนือ ได้เล่าว่า “เมื่อ พ.ศ. 2453 (ประมาณ 100 ปีมาแล้ว) เจ้าหลวงเมืองลำพูนพร้อมกำนันของทุกตำบลเมืองลำพูน โดยขุนเข้ม ขามขัณฑ์ ยศในขณะนั้น ซึ่งเป็นกำนันของตำบลป่าขาม (ต่อมาตำบลป่าขามได้เปลี่ยนเป็นตำบลหนองช้างคืน) ขุนเข้ม เป็นตาของ คุณแม่ชีทองเหรียญ ชัยประสิทธิ์ และคุณยายรำจวน กัณฑาสวัสดิ์ ได้นำคณะกำนันและเจ้าหลวงลำพูนพากันไปต้อนรับเจ้านายจากเมืองกรุงเทพ เพื่อมาดูงานภาคเหนือ การสัญจรทางรถยนต์คงไม่สะดวกในขณะนั้น ทางคณะจึงได้ล่องแพตามลำน้ำปิง และจากการต้อนรับนายในครั้งนี้ ทางเจ้าหลวงเมืองลำพูนก็ได้รับแจกลำไยหนึ่งพวงเป็นของกำนัลจากเมืองจีนซึ่งนำมาถวายให้เจ้านายที่มาจากเมืองกรุง ทุกคนก็ได้รับแบ่งกันชิมถ้วนหน้า ขุนเข้ม ได้รับแจก 2 ผล เมื่อทานเสร็จก็เอาเม็ดใส่กระเป๋าเสื้อไว้ พอมาถึงบ้านก็เอามาเพาะ จนได้ต้นกล้า 2 ต้น จึงเอาปลูกไว้บริเวณบ้าน เมื่อต้นโตขึ้นก็ออกดอกออกผล หลังจากนั้นคุณตาสุดใจ กัณฑาสวัสดิ์ ลูกเขยของขุนเข้ม ก็เด็ดพวงลำไยที่แก่แล้วใส่ตระกล้าหน้ารถจักรยาน พร้อมประดับตระกล้าด้วยพวงลำไย ปั่นจักรยานจากหนองช้างคืนไปเชียงใหม่ ไปเสนอขายที่กาดหลวง กาดต้นลำไย วนแล้ววนอีก ก็ไม่มีใครสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเจ๊กหรือแขก เพราะไม่มีใครรู้จักลำไย ไม่รู้จักวิธีกินยังไง และไม่มีใครอยากลองกิน (ไม่เคยกิน) ซึ่งก็เป็นระยะเวลาประมาณ 70 ปี ย้อนหลังนับจากวันนี้ และตลอดเวลา 4 ปี ที่คุณตาสุดใจ ไม่ละความพยายามเมื่อลำไยออกผลก็แจกให้คนกิน กินไม่หมดก็เอาลำไยไปอบด้วยเตาถ่านและแสงแดดแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อเก็บไว้กินนาน ๆ นี่ก็คือต้นกำเนิดการทำลำไยอบแห้ง และเมื่อคนเริ่มรู้จักเริ่มกิน ตลาดทางกรุงเทพก็เริ่มสั่งซื้อ เพราะคนจีนมีเยอะที่กรุงเทพ และทำให้เกิดการตอนกิ่งลำไยเพื่อขยายผล โดยเป็นที่แพร่หลายอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่มีชื่อว่าลำไยอีดอ หนองช้างคืน คงมาจากลำไยต้นนี้ออกลูกก่อนลำไยต้นอื่นที่ทุกคนได้เม็ดจากของกำนัลเมืองจีนตอนครั้งที่ไปต้อนรับเจ้านาย เนื่องจากปลูกในสถานที่ ๆ ต่างกัน อาจมาจากสภาพของดิน และการดูแลอนุบาลเมื่อต้นยังเล็กเป็นอย่างดีจึงทำให้ได้ต้นพันธุ์ที่มีคุณค่า กลายพันธุ์เป็นลำไยพันธุ์ต่าง ๆ ที่เรียกขานกันทุกวันนี้ สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป ที่ทำให้ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจของตำบลหนองช้างคืนมาจนถึงบัดนี้ ความจริงแล้วผู้รวบรวมข้าพเจ้า นายเกรียงไกร ก้อนแก้ว ในฐานะได้เรียนรู้เรื่องลำไยมาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในสมัยนั้น พ.ศ.2498 เป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้เชียงใหม่ ได้เปิดหลักสูตร เรื่องลำไยเป็นสถาบันแรกใน ประเทศไทย ข้าพเจ้าเป็นนักศึกษารุ่นแรกจำนวน 120 คนที่ได้เรียนวิชาลำไย เมื่อ พ.ศ.2500 จากการศึกษาค้นคว้าและคลุกคลีอยู่กับลำไยพบว่า หลังจากคุณตาสุดใจ กันฑาสวัสดิ์ ได้เผยแพร่พันธุ์ลำไยไปแล้ว พ.ศ.2490 ลำไยเริ่มปลูกในตำบลหนองช้างคืนกระจายกันทั่วไป บ้านละหนึ่งต้นสองต้น ปรากฏว่าผลลำไยมีลูกโตมาก รับประทานคนละผลสองผลอิ่มเลย และก็อร่อยมาก ชาวบ้านเลยเรียกว่าลำไยพันธุ์กะโหลก ซึ่งแปลว่าผลโตนั่นเอง สมัยนั้นยังไม่มีชื่อพันธุ์ต่าง ๆ ดังทุกวันนี้ หลังจาก พ.ศ.2500 เป็นต้นมา ทางราชการโดยกระทรวงเกษตรและชาวบ้านร่วมกันเริ่มคัดเลือกพันธุ์ แล้วตั้งชื่อพันธุ์ตามลักษณะ ขนาดของผล ผิวสีของเปลือก ยอด ใบ ลำต้น ที่แตกต่างกัน จนมีชื่อพันธุ์ต่าง ๆ เช่น พันธุ์ดอ คือเป็นพันธุ์ที่ให้ผลก่อนเพื่อน พันธุ์นี้จะเก็บเกี่ยวผลในเดือนกรกฎาคม ส่วนพันธุ์อื่นจะเก็บผลในปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี เช่นพันธุ์ชมพู อีแห้ว เบี้ยวเขียว ปู่มาตี๋นโก้ง แก้วยี่ พวงทอง ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น
ในปีพ.ศ.2510 สวนลำไยของคุณตาสุดใจ กันฑาสวัสดิ์ ผู้ริเริ่มปลูกลำไยตำบลหนองช้างคืนเป็นแปลงใหญ่มีลำไยต้นหนึ่ง อายุประมาณ 15 ปี ต้นใหญ่พุ่มใหญ่ สูงร่วม 15 เมตร มีผลโต พวงสวย ออกดอกออกผลดกมากเกือบทั้งต้น ทุกผลในพวงขนาดสม่ำเสมอมาก เก็บผลผลิตได้ 35 เข่ง (เข่งละ 25 ก.ก.) ขายได้ราคาแพงมากขายเป็นเข่ง เข่งละ 350 บาท ต้นนี้ขายได้เงิน 12,250 บาท จึงเล่าขานกันเป็นตำนานตั้งชื่อลำไยต้นหมื่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บัดนี้ได้ขยายพันธุ์เผยแพร่จากต้นนี้ไปทั่วประเทศ และต่างประเทศจนมีชื่อเสียงโด่งดังลำไยต้นหมื่น ลำไยพันธุ์ดีที่สุดต้องหนองช้างคืนเท่านั้น หนองช้างคืนเมืองลำไย ลำไยจึงเป็นหัวใจของชาวหนองช้างคืนด้วยประการฉะนี้แล

ประวัติของลำไยอีดอ ต้นหมื่น หนองช้างคืน

เมื่อ พ.ศ. 2453 (ประมาณ 100 ปีมาแล้ว) เจ้าหลวงเมืองลำพูนพร้อมกำนันของทุกตำบลเมืองลำพูน ขุนเข้ม ขามขัณฑ์ ยศในขณะนั้น เป็นกำนันของตำบลป่าขาม ต่อมาตำบลป่าขามได้เปลี่ยนเป็นตำบลหนองช้างคืน ขุนเข้ม ซึ่งเป็นตาของ คุณแม่ชีทองเหรียญ ชัยประสิทธิ์ และคุณยายรำจวน กัณฑาสวัสดิ์ ทางคณะกำนันและเจ้าหลวงลำพูนก็ได้พากันไปต้อนรับเจ้านายจากเมืองกรุงเทพ เพื่อมาดูงานภาคเหนือ การสัญจรทางรถยนต์คงไม่สะดวกในขณะนั้น ทางคณะจึงได้ล่องแพตามลำน้ำปิง เจ้าหลวงเมืองลำพูนก็ได้รับแจกลำไยหนึ่งพวงซึ่งเป็นของกำนัลจากเมืองจีนนำมาถวายให้เจ้านายที่มาจากเมืองกรุง ทุกคนก็ได้รับแบ่งกันชิมถ้วนหน้า ขุนเข้ม ได้รับแจก 2 เม็ด เมื่อทานเสร็จก็เอาเม็ดใส่กระเป๋าเสื้อไว้ พอมาถึงบ้านก็เอามาเพาะ ได้ต้นกล้า 2 ต้น จึงเอาปลูกไว้บริเวณบ้าน เมื่อต้นโตขึ้นก็ออกดอกออกผล คุณตาสุดใจ กัณฑาสวัสดิ์ ลูกเขยขุนเข้ม ก็เด็ดพวงลำไยที่แก่แล้วใส่ตระกล้าหน้ารถถีบ พร้อมประดับตระกล้าด้วยพวงลำไย ถีบรถถีบจากหนองช้างคืนไปเชียงใหม่ ไปเสนอขายที่กาดหลวง กาดต้นลำไย วนแล้ววนอีก ก็ไม่มีใครสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเจ๊กหรือแขก ไม่มีใครรู้จักลำไย ไม่รู้จักวิธีกินยังไง ไม่มีใครอยากลอง (ก็เป็นระยะเวลาประมาณ 70 ปี ย้อนหลังนับจากวันนี้) ตลอดเวลา 4 ปี ที่คุณตาสุดใจ ไม่ละความพยายามเมื่อลำไยออกผลก็แจกให้คนกิน กินไม่หมดก็เอาลำไยไปอบย่างแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อเก็บไว้กินนาน ๆ นี่ก็คือต้นกำเนิดการทำลำไยอบแห้ง เมื่อคนเริ่มรู้จักกิน ตลาดกรุงเทพก็เริ่มสั่งซื้อ เพราะคนจีนมีเยอะที่กรุงเทพ การตอนกิ่งลำไยเพื่อขยายผลก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่มีชื่อว่าลำไยอีดอ หนองช้างคืน คงมาจากลำไยต้นนี้ออกลูกก่อนลำไยต้นอื่นที่ทุกคนได้เม็ดจากของกำนัลเมืองจีนตอนไปต้อนรับเจ้านาย เนื่องจากปลูกในสถานที่ต่างกัน อาจมาจากสภาพของดิน และการดูแลอนุบาลเมื่อต้นยังเล็กอย่างดีจึงทำให้ได้ต้นพันธุ์ที่มีคุณค่าสุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป ที่ทำให้ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจของตำบลหนองช้างคืนมาจนถึงบัดนี้

อัจฉรา ชัยประสิทธิ์ (ผู้ให้ข้อมูล)
9 กรกฎาคม 2553
101/1 หมู่ 4 ตำบลหนองช้างคืน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

เทศบาลตำบลหนองช้างคืน
198 หมู่ที่ 2 ถ.ป่าเห็ว-ริมปิง ต.หนองช้างคืน อ.เมือง จ.ลำพูน 51150
โทรศัพท์ 0 5398 3095 โทรสาร 0 5398 3095
Email: info@nongchangkuen.go.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น